ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ยํ เว เสวติ ตาทิโสติ“คบคนเช่นใด ก็เป็นคนเช่นนั้นแล

 ยํ เว เสวติ ตาทิโสติคบคนเช่นใด ก็เป็นคนเช่นนั้นแลขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง แม้ปรินิพพานไปนานแล้ว พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า ขอโอกาสพระเถรานุเถระทุกรูปทุกท่าน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลจงบังเกิดมีแด่ญาติโยมสาธุชนทุกท่านทุกคน โดยเฉพราะคณะเจ้าท่านภาพกัณฑ์เทศน์ ในวันนี้ นำโดยคุณยายอีที โยมจิตร พร้อมด้วยเพื่อนสนิทมิตรสหายมากหน้าหลายตา ได้ตั้งจิตตั้งใจ ชักชวนกันมารับเป็นเจ้าภาพกัณฑ์เทศน์ วัดไทยลาสเวกัสแห่งนี้ บัดนี้อาตมาภาพจัดได้แสดงพระธรรมเทศนา พรรณาถึงเรื่องการคบค้าสมาคมของผู้คนในสังคมเป็นลำดับสือไป

การเลือกคบคนนั้น ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของชีวิตคนเรา เพราะคนเรานั้นไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังได้ จำต้องมีเพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ  เพราะเราอยู่ในสังคม ต้องคบค้าสมาคมกับคนอื่น มีการติดต่อกับคนอื่น จึงจะสามารถอยู่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมได้ แต่มนุษย์เรานั้น มีทั้งที่เป็นคนดีและคนไม่ดี การคบเพื่อน จึงจำเป็นที่จะต้องพิจารณาไตร่ตรองให้ดี ต้องดูให้แน่ว่าคน นั้นดีหรือไม่ดี แล้วจึงตัดสินใจคบหรือไม่คบเพราะโดยปกติ เพื่อนย่อมจะมีอิทธิพลต่อชีวิตของมนุษย์เป็นอันมาก ถ้าเราคบเพื่อนดี ก็มีความเป็นไปได้ที่เราจะเป็นคนดีด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเราคบเพื่อนไม่ดี ก็มีความเป็นได้สูงที่เราจะเป็นคนไม่ดีด้วยเช่นกัน  ถ้าศีลไม่เสมอกัน ก็อยู่ร่วมกันไม่ได้ ต้องพวกเดียวกัน คุยเรื่องเดียวกัน ถึงอยู่กันได้ คนแบบเดียวกันดึงดูดพวกเดียวกัน คบคนเช่นใด ก็เป็นคนเช่นนั้น เหมือนนิทานอีสป เรื่องหนึ่งมีความว่า

ชายชราคนหนึ่งไปซื้อลา เขายืนเลือกอยู่นานแต่ก็เลือกไม่ได้สักที คนขายจึงเสนอให้เขาทดสอบลาก่อนซื้อ เขาจึงเลือกลาตัวหนึ่งแล้วพามันกลับบ้านด้วย เมื่อมาถึงบ้านเขาก็ปล่อยมันไปรวมกับลาตัวอื่น ในคอก ปรากฏว่าลาตัวนั้นรีบเดินเข้าไปหาลาที่ขี้เกียจที่สุดและตะกละที่สุดทันที ชายชราเห็นเช่นนั้นจึงเอามันกลับไปคืนร้าน พ่อค้าสงสัยจึงถามว่า "ท่านได้ทดสอบมันแล้วรึ" ชายชราตอบทันทีว่าไม่ต้องทดสอบข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าลาตัวนี้ ต้องมีนิสัยเหมือนกับลาที่มันเลือกเป็นเพื่อนแน่ "นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการจะดูว่าใครมีลักษณะนิสัยอย่างไร ให้ดูจากเพื่อนที่เขาคบ ญาติโยมทุกท่านคงเคยได้ยินได้ฟัง บทโคลงโลกนิติ ที่ว่า ปลาร้าพันห่อด้วย  ใบคา  ใบก็เหม็นคาวปลา  คละคลุ้ง  คือคนหมู่ไปหา    คบเพื่อน พาลนา ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง  เฟื่องให้เสียพงศ์ ส่วนผู้ใด ทำตัวเปรียบดั่ง ใบพ้อพันห่อหุ้ม กฤษณา หอมระรวยรสพา เพริศด้วย คือคนเสพเสน่หา นักปราชญ์ ความสุขซาบฤาม้วย ดุจไม้กลิ่นหอม ญาติโยม จากข้อความเบื้องต้นนั้นเราอาจเห็นได้ว่า"ใบไม้ที่ห่อหุ้มปลาเน่า ย่อมต้องพลอยเหม็นแปดเปื้อนไปด้วยฉันใดผู้ที่คบคนพาล ก็ย่อมต้องพลอยเสียชื่อเสียง ติดความเป็นพาลเดือนร้อนเสียหายไปด้วยฉันนั้น" ต่างกับใบพ้อที่ห่อไม้กฤษณา ใบพ้อก็ย่อมหอมไปด้วย เปรียบไม้กฤษณาซึ่งเป็นไม้เนื้อหอมกับคนดี หรือ นักปราชญ์ การคบนักปราชญ์หรือคนดีย่อมได้รับอานิสงค์คือความสุขไปด้วย ว่ากันว่า การเลือกคบเพื่อนนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ต่างกันเลยกับคำพูดที่เราท่านเคยได้ยินจนชินหูที่ว่า เลือกผัวผิดคิดจนตัวตาย จากเรื่องมงคล๓๘ประการแม้แต่พระพุทธองค์ก็ยังคงให้ความสำคัญในการเลือกคบเพื่อนนั้นไว้เป็นอันดับต้นๆกันเลยทีเดียว ญาติโยมอาจเคยได้ยินที่ใครเขาว่ากันว่า ตัวเรานั้นคือค่าเฉลี่ยของคนคน ที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด ลองมองดู 5 คนในชีวิตที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดในแต่ละวันดู เราจะรู้ได้ว่าเราได้รับอิทธิพลมาจากพวกเขาจริงๆ ไม่มากก็น้อย ถ้าเราคลุกคลีอยู่กับใคร ในไม่ช้าเราก็จะเป็นคนแบบนั้น ถ้าเราอยู่กับคนใจกว้าง” “สังคมของเราก็จะกว้างมากยิ่งขึ้นถ้าสมาคมกับนักปราชญ์” “สติปัญญาเราจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นถ้าอยู่ร่วมกับคนชอบศึกษา” “ความรู้เราก็จะมีมากยิ่งขึ้นถ้าเราคบหากับคนบุญ” “จิตเมตตาจะมีมากยิ่งขึ้นถ้าอยู่กับคนกล้าหาญเราจะมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นถ้าอยู่กับคนมองโลกในแง่ดีเราจะมีความสุขมากยิ่งขึ้นถ้าอยู่กับคนมั่งมีเราจะถูกจุดประกายให้สร้างฐานะที่ดียิ่งขึ้นถ้าอยู่กับคนที่มีความฝันเราจะมีความมุ่งมั่นและไม่เลิกลาไปโดยง่ายถ้าเราอยู่กับคนที่มีความรับผิดชอบในภาระหน้าที่เราจะถนอมวันเวลามากยิ่งขึ้น แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่ใช่เพื่อนทุกคนที่จะผลักดันให้เราดำเนินไปในทางที่ดีขึ้น เพราะบางคนก็คอยขัดขวางการเดินทางตามฝันของเรา หรือ คอยฉุดรั้งเราไว้จากความสำเร็จ โดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเลือกคบคน หรือ เลือกสังคมที่เราจะเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ ซึ่งสามารถสังเกตได้ เช่น สังคมของคนเกเร จะพูดคุยกันแต่ในเรื่องที่สร้างความเดือดร้อน สังคมของคนทั่วไป จะพูดคุยกันในเรื่องของชาวบ้าน และ การนินทา สังคมของพ่อค้า จะพูดคุยกันในเรื่อง ทำเลค้าขาย และ โอกาสในการทำกำไร สังคมของนักลงทุน จะพูดคุยกันในเรื่อง ธุรกิจ และ ไอเดียใหม่ๆ สังคมของนักบุญ จะพูดคุยกันในเรื่อง ความสงบสุข การปล่อยวาง และ การเสียสละอุทิศ เราต้องเลือกเอาเอง เพราะเราสามารถนำพาตัวเองไปในสังคมต่างๆได้ อยากจะประสบความสำเร็จ ก็นำพาตัวเองเข้าไปอยู่กับคนที่ประสบความสำเร็จ อยากล้มเหลว ก็นำพาตัวเองไปอยู่รวมกับคนที่ล้มเหลว เพราะแมลงวันมันไม่ชวนกันไปกินน้ำหวาน กินเกสรดอกไม้สวยๆ หรอก มันชวนกันไปกินแต่ของเน่าเหม็น พวกเดียวกันมันจะชวนกันทำในสิ่งที่ชอบเหมือนกัน คิดเหมือนกัน ไม่มีใครตักเตือนกันได้ เพราะชอบเหมือนกันถ้าอยากรู้ว่าใครเป็นคนแบบไหนให้ดูคนที่เขาคุยด้วยคบด้วยสนิทด้วยก็รู้เพราะถ้าไม่ใช่พวกเดียวกันศีลไม่เสมอกัน มันคบกันไม่ได้หรอกเพราะผึ้งก็ไม่เคยชวนแมลงวันไปตอมดอกไม้แมลงวันก็ไม่เคยไปกินน้ำหวานในดอกไม้กับผึ้ง แต่ถ้าใครชอบกินชอบทานขนมหวาน อาตมาการันตรีได้เลยว่าจะไม่ผิดหวัง ถ้าคบกับคุณยายอีที  ในวันนี้ อาตมาภาพก็ขอฝากข้อคิดคติธรรมเล็กๆน้อย เพื่อเป็นเครื่องปฏิการะคุณตอบแทน แก่ญาติโยมทุกๆท่าน อีกทั้งเพื่อเป็นเครื่องประคับประครองฉลองศรัทธา ประดับปัญญาบารมี เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุขตามอัตตภาพแห่งตนๆว่า ยํ เว เสวติ ตาทิโส แปลความว่า คบคนเช่นใด ก็เป็นคนเช่นนั้นแลเทสนา วสาเน ในท้ายที่สุดแห่งพระธรรมเทศนา ด้วยอานิสงส์แห่งบุญกุศลที่ทุกท่านบำเพ็ญแล้วนี้ อาตมาภาพขออ้างคุณแห่งพระรัตนตรัย เพื่ออำนวยอวยชัยแก่ท่านทั้งหลาย ว่า ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะ เทวตา ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน ขอเหล่าเทวดาทั้งปวงจงรักษาท่าน สัพพะพุทธานุภาเวนะ สัพพะธัมมานุภาเวนะ สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวัน ตุ เต ด้วยอานุภาพ แห่พระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ ขอความสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ท่านทุกเมื่อเทอญ   เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พระประจำวันเกิด ภาษาอังกฤษ english version

วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

การศึกษาวิเคราะห์วรรณกรรมเรื่องคู่มือมนุษย์ของพุทธทาสภิกขุ THE ANLYTICAL STUDY OF THE VENERABLE BUDDHADASA’S THE LITERARY WORK OF HANDBOOK FOR MANKIND BUDDHADASA BHIKKHU โดย พระประสิทธิ์ ปภาธโร ๑.๑ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย มีที่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกในสมัยสุโขทัย เมื่อครั้งพ่อขุนรามมหาราชโปรดให้จารึกบนแผ่นศิลา ซึ่งเรียกกันว่า “ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง” ซึ่งมีเรื่องราวทางพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องกับศาสนธรรม ศาสนประวัติ ศาสนพิธี ศาสนวัตถุแทรกอยู่ และต่อจากนั้นมาก็มีวรรณกรรมทางศาสนาติดต่อกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยอยุธยา วรรณกรรมที่สำคัญในสมัยอยุธยาตอนต้นส่วนใหญ่มีเรื่องเกี่ยวกับศาสนพิธีกรรมและพระมหากษัตริย์ จึงมีเนื้อเรื่องคล้ายวรรณกรรมสุโขทัย ส่วนลักษณะการแต่งแตกต่างกับวรรณกรรมสุโขทัยเป็นอย่างมาก วรรณกรรมในสมัยนี้แต่งด้วยร้อยกรองทั้งสิ้นคำประพันธ์ที่ใช้เกือบทุกชนิด คือ โคลง ร่าย กาพย์ และฉันท์ ขาดแต่กลอนส่วนใหญ่แต่งเป็นลิลิต คำบาลี สันสกฤตและเขมรเข้ามาปะปนในคำไทยมากขึ้นวรรณกรรมที่สำคัญในสมัยอยุธยาตอนต้น มีเรื่อ

แปลหนังสือสุทธิ english version

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีประโยชน์ต่อหลายๆท่าน