ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ธรรมะเรื่อง การเสียสละ การให้ และความมีเมตตา กรุณาต่อกัน

เทศน์
ตั้งนะโม
ททํ มิตฺตานิ คนฺถตีติ.
ผู้ให้ ย่อมผูกไมตรีไว้ได้
   ขอน้อบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ ขอโอกาสพระเถรานุเถระทุกรูปทุก ท่าน ขอเจริญพร เจริญสุข ญาติโยมสาธุชนคนใจบุญท่านทั้งหลาย ที่ได้มาประชุม พบเจอกันในวันอังคาร ที่ ๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ นี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นวันดีที่คณะญาติธรรม มูลนิธิพระธรรมมะจาริกในนครลอสแองเจอลิส ร่วมกับ มหาลัยโพธิศาสตร์ นำโดยท่านพระอาจารย์ ดร.พิชัยนาท ท่านพระอาจารย์ ดร.บุณยากร โยมแม่บัว โยมแม่นิอร โยมแม่วิไล น้าแอ็ด โยมพี่จิตตรา พร้อมด้วย เพื่อนสนิทมิตรสหายมากหน้าหลายตา ตั้งจิตตั้งใจชักชวนกันมารับเป็นเจ้าภาพกัณฑ์เทศน์ ณ วัดมหาพุทธารามแห่งนี้ ว่ากันว่า #คนจะงาม งามที่ใจ ใช่ใบหน้า คนจะสวย สวยจรรยา ใช่ตาหวาน คนจะแก่ แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน คนจะรวย รวยศีลทาน ใช่บ้านโต #คนจะงามงามน้ำใจใช่ใบหน้า งามวาจา งามความคิดงามนิสัย งามมารยาท งามกิริยา งามทั้งภายนอกภายใน ตัวอย่างนั้นไซร้ ก็ คุณโยมวันชัย โยมแม่วิไลและแม่นิอรนี่ไง งามหน้าที่ ดูแล้วเด่น เป็นราศี งามน้ำใจสวยสง่าไร้ราคี  ท่านว่าไว้ เป็นสตรี หรือบุรุษ ก็สุดงาม อาตมาภาพขอ อนุโมทนาขอบคุณ ในน้ำจิต น้ำใจ ของท่านทั้งหลายที่มีต่อพระภิกษุสงฆ์ วัดมหาพุทธารามนี้ตลอดเรื่อยมา ขอให้ความสมัครสมาน สามัคคีนี้เบ่งบาน เหมือนต้นดอกรักอยู่หลังสวน คงอยู่ยาวนาน เหมือนดอกไม้ชนิดหนึ่งชื่อ บานไม่รู้โรย พระพุทธองค์ทรงตรัสถึง เรื่องของทาน การให้ หรือ การเสียสละ ไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นักกายกรรมผู้มีกำลังมาก คือ นักมวยปล้ำผู้มีกำลังมหาศาลนั้น ก่อนที่จะได้กำลังมาเขาก็ต้องออกกำลังไปเสียก่อน การเสียสละนั้น คือการได้มาซึ่งผลอันเลิศในบั้นปลาย  ผู้ไม่ยอมเสียสละอะไร ย่อมไม่ได้อะไร จงดูเถิด มนุษย์ทั้งหลาย รถน้ำต้นไม้ที่โคนแต่ต้นไม้นั้นย่อมให้ผลที่ปลาย เธอทั้งหลายจงพิจารณาดูความจริงตามธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งเถิด คือ แม่น้ำสายใดเป็นแม่น้ำตาย ไม่ไหล ไม่ถ่ายเทไปสู่ที่อื่น หยุดนิ่งขังอยู่ที่เดียว แม่น้ำสายนั้นย่อมพลันตื่นเขินและสกปรกเน่าเหม็นเพราะสิ่งสกปกรกตกลงมามิได้ถ่ายเท นอกจากนี้บริเวณที่ใกล้แม่น้ำสายนั้น จะหาพืชพันธุ์ธัญญาหารที่เขียวสดก็หายาก แต่แม่น้ำสายใดไหลเอื่อยลงสู่ทะเลหรือแตกสาขาออกไป ไหลเรื่อยไปไม่รู้จักหมดสิ้น คนทั้งหลายได้อาศัยอาบดื่มและใช้สอยตามปรารถนา มันจะใสสะอาดอยู่เสมอไม่มีวันเหม็นเน่าหรือสกปรกได้เลย พืชพันธุ์ ธัญญาหาร ณ บริเวณใกล้เคียงก็เขียวสดงดงาม ดังพุทธพจน์ข้างต้นนั้น จะเห็นได้ว่า การให้ การแบ่งปัน การเสียสละนั้น เป็นการกระทำที่ไม่เสียเปล่า อย่างน้อยก็เป็นการสร้างมิตรภาพ ทุกท่านคงเคยได้ยิน คำที่ว่า ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
การเสียสละกำลังแรงงาน สละเวลา หรือการสละสิ่งของ หรือว่าการให้อภัย ไม่ถือสาที่คนอื่นล่วงเกิน บางทีมันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเราแต่มีคุณค่ากับผู้ได้รับมาก อาจนำมาซึ่งความช่วยเหลือที่จำเป็นในเวลาที่เราต้องการก็เป็นได้ ลองนึกถึงเวลาที่สตาร์ตรถไม่ติดแล้วมีคนมาช่วย มีอุบัติเหตุแล้วมีคนแปลกหน้าที่ผ่านไปมาให้ความช่วยเหลือ เราจะรู้สึกซาบซึ้ง ในน้ำจิต น้ำใจ ที่เขาได้เสียสละเวลา กำลังกาย มาช่วยเหลือเราเหมือนกัน เหมือนเช่นวันนี้ ที่ท่านพระอาจารย์ ดร.พิชัยนาท ได้รับเป็นเจ้าภาพกัณฑ์เทศน์ ซึ่งก็ตรงกับวันเกิดของท่านพระอาจารย์ด้วย อาตมาก็รู้สึกซาบซึ้งในจิตเมตา กรุณาของท่าน และรู้สึกประหม่าไปด้วยในคราวเดียวกัน ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เทศน์ไปๆมาๆจะคุ้มค่ากัณฑ์เทศน์พระอาจารย์หรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับท่านพระอาจารย์บุณยากร หากวันนี้เทศน์ดี ก็ติดกัณฑ์เทศน์ สัก สิบ บาท เทศน์ ไม่ค่อยดี ขอสัก 20 ก็พอเนาะโยมแม่อ้อย เนาะ
ในวันนี้ อาตมาภาพก็ขอฝากข้อคิดคติธรรมเล็กๆน้อย เพื่อเป็นเครื่องปฏิการะคุณตอบแทน ในความเมตตาปราณีแก่คณะญาติธรรม ในนามมูลนิธิพระธรรมจาริก ในนครลอสแองเจอลิสและญาติโยมทั้งหลายอีกทั้งเพื่อเป็นการประคับประครองฉลองศรัทธา ประดับปัญญาบารมี เพื่อทำชีวิตนี้ให้มีความสุขตามอัตตภาพแห่งตนๆว่า
 ททํ มิตฺตานิ คนฺถติ.
แปลความว่า ผู้ให้ ย่อมผูกไมตรีไว้ได้
 ซึ่งมีใจความตรงกับ บทละครของวิลเลียม เชกสเปียร์  โดย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์แปลความมาว่า
 "อันความกรุณาปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่   หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน
ข้อความนี้องค์พระธีรราชเจ้า ธ โปรดเกล้าประธานให้ใจถวิล รู้คุณค่าความกรุณาไว้อาจินต์ ดังวารินจากฟากฟ้าสู่สากล
เทสนา วสาเน ในท้ายที่สุดแห่งพระธรรมเทศนา ด้วยอานิสงส์แห่งบุญกุศลที่ทุกท่านบำเพ็ญแล้วนี้ อาตมาภาพขออ้างคุณแห่งพระรัตนตรัย เพื่ออำนวยอวยชัยแก่ท่านทั้งหลาย ว่า ขอเดชะ พุทธรัตน์กำจัดทุกข์ ให้มีสุข ศิริศักดิ์ เป็นหลักฐาน ขอเดชะ ธรรมรัตน์ กำจัดพาล ให้ไพศาล ผุดผ่อง พ้นผองภัย ขอเดชะ สังฆรัตน์ กำจัดโรค สืบชนม์ยิ่งอายุขัย ขอเดชะ พระไตรรัตน์ ดังฉัตรชัย ตุ้มครองให้ กายใจสุข ทุกท่านเทอญ
 เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พระประจำวันเกิด ภาษาอังกฤษ english version

วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

การศึกษาวิเคราะห์วรรณกรรมเรื่องคู่มือมนุษย์ของพุทธทาสภิกขุ THE ANLYTICAL STUDY OF THE VENERABLE BUDDHADASA’S THE LITERARY WORK OF HANDBOOK FOR MANKIND BUDDHADASA BHIKKHU โดย พระประสิทธิ์ ปภาธโร ๑.๑ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย มีที่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกในสมัยสุโขทัย เมื่อครั้งพ่อขุนรามมหาราชโปรดให้จารึกบนแผ่นศิลา ซึ่งเรียกกันว่า “ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง” ซึ่งมีเรื่องราวทางพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องกับศาสนธรรม ศาสนประวัติ ศาสนพิธี ศาสนวัตถุแทรกอยู่ และต่อจากนั้นมาก็มีวรรณกรรมทางศาสนาติดต่อกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยอยุธยา วรรณกรรมที่สำคัญในสมัยอยุธยาตอนต้นส่วนใหญ่มีเรื่องเกี่ยวกับศาสนพิธีกรรมและพระมหากษัตริย์ จึงมีเนื้อเรื่องคล้ายวรรณกรรมสุโขทัย ส่วนลักษณะการแต่งแตกต่างกับวรรณกรรมสุโขทัยเป็นอย่างมาก วรรณกรรมในสมัยนี้แต่งด้วยร้อยกรองทั้งสิ้นคำประพันธ์ที่ใช้เกือบทุกชนิด คือ โคลง ร่าย กาพย์ และฉันท์ ขาดแต่กลอนส่วนใหญ่แต่งเป็นลิลิต คำบาลี สันสกฤตและเขมรเข้ามาปะปนในคำไทยมากขึ้นวรรณกรรมที่สำคัญในสมัยอยุธยาตอนต้น มีเรื่อ

แปลหนังสือสุทธิ english version

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีประโยชน์ต่อหลายๆท่าน